สรุป! อนาคตของ AI
- AI จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างลึกซึ้ง : ไม่ว่าจะเป็นการค้นหา การทำงาน การสื่อสาร หรือการสร้างสรรค์ AI ของ Google จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การแข่งขันในตลาด AI จะเข้มข้นขึ้น : Google กำลังผลักดันขีดความสามารถของ AI ไปอีกขั้น ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ที่พัฒนา AI เข้มข้นขึ้น
- ความสำคัญของข้อมูลและความเป็นส่วนตัว : การที่ AI สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวจากแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Gmail จะทำให้ประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
- บทบาทของนักพัฒนาจะเปลี่ยนแปลง : นักพัฒนาจะต้องปรับตัวเพื่อใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและ API ของ AI มากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์แอปพลิเคชันและบริการใหม่ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
- การค้นหาและ SEO จะเปลี่ยนไป : นักการตลาดและผู้เชี่ยวชาญ SEO จะต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้เนื้อหาของตนสามารถถูกค้นพบและถูกรวมอยู่ในคำตอบของ AI Mode ได้

ไฮไลท์สำคัญในงาน Google I/O 2025
- AI คือหัวใจหลักของทุกสิ่ง (AI-First): Google I/O 2025 เป็นงานที่มุ่งเน้น AI อย่างเต็มที่ โดยแทบจะไม่มีการประกาศเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ใดๆ เลย ทุกๆ วินาทีของ Keynote ล้วนแต่เน้นไปที่ความก้าวหน้าของ AI และการนำไปใช้งานในรูปแบบต่างๆ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ Google ที่ต้องการให้ AI เป็นพื้นฐานของนวัตกรรมทั้งหมด
- Google Search โฉมใหม่ด้วย AI Mode: นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของ Google Search ในรอบหลายปี ด้วยการเปิดตัว AI Mode ที่จะมาพลิกโฉมวิธีการค้นหาข้อมูล ผู้ใช้สามารถพิมพ์คำถามที่ซับซ้อนและยาวขึ้นได้ AI Mode จะใช้เทคนิค "query fan-out" ในการแบ่งคำถามออกเป็นส่วนย่อยๆ ค้นหาข้อมูลในแต่ละส่วน แล้วนำมารวบรวมเป็นคำตอบที่ครบถ้วนและแม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Personal Context ที่จะให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลโดยเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันอื่นๆ เช่น Gmail และ Deep Search ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากหลายแหล่งที่มาเพื่อสร้างรายงานที่สมบูรณ์แบบ
- Gemini AI: ฉลาดขึ้น เป็นส่วนตัวมากขึ้น และทำได้มากขึ้น :
- Gemini 2.5 Pro และ Flash : ได้รับการอัปเดตให้เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Deep Think mode สำหรับ Gemini 2.5 Pro ที่ช่วยให้ AI มีความสามารถในการให้เหตุผลเชิงลึกและประมวลผลงานที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น
- Gemini AI Ultra : แผนการสมัครสมาชิกใหม่ในราคา $249.99 ต่อเดือน สำหรับผู้ใช้ระดับมืออาชีพและผู้ใช้งานจำนวนมาก โดยจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงเครื่องมือ AI ขั้นสูงที่สุดของ Google รวมถึง Deep Think mode, Veo 3 พร้อมเสียง, แพลตฟอร์ม Flow สำหรับการสร้างภาพยนตร์ และ Project Mariner สำหรับระบบอัตโนมัติแบบ Agentic
- Agent Mode (Project Mariner) : โหมดทดลองในแอป Gemini ที่จะช่วยให้ AI สามารถทำงานอัตโนมัติที่ซับซ้อนได้ เช่น การหาอพาร์ตเมนต์ การกรองลิสต์ การจัดตารางนัดหมาย AI จะสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ และโต้ตอบกับเว็บไซต์เพื่อทำงานเหล่านี้ให้สำเร็จ
- Gemini Live (Project Astra) : ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับ AI Assistant ได้โดยใช้กล้องและแชร์หน้าจอเพื่อทำงานต่างๆ ในโลกจริงได้ และยังเชื่อมต่อกับ Canva สำหรับการสร้างสรรค์เนื้อหา
- การสร้างสรรค์สื่อด้วย AI (Generative Media Models) :
- Veo 3 : โมเดลสร้างวิดีโอ AI รุ่นที่ 3 ที่ได้รับการอัปเกรดให้สามารถสร้างวิดีโอพร้อมเสียงได้เต็มรูปแบบ รวมถึงบทสนทนาและเอฟเฟกต์เสียง ซึ่งเป็นการพัฒนาที่สำคัญ เนื่องจากโมเดลสร้างวิดีโอส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะสร้างเฉพาะภาพโดยไม่มีเสียง
- Imagen 4 : โมเดลสร้างภาพ AI ขั้นสูง ที่ปรับปรุงคุณภาพให้สมจริงยิ่งขึ้น รายละเอียดคมชัดขึ้น และรองรับสไตล์ศิลปะที่หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับปรุงเรื่องการสะกดคำและการจัดเรียงตัวอักษร
- Flow : เครื่องมือสร้างภาพยนตร์ AI ใหม่ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Veo, Imagen และ Gemini ช่วยให้ผู้สร้างสามารถปรับแต่งมุมกล้อง การเคลื่อนไหว และตำแหน่งต่างๆ ในวิดีโอได้
- Google Beam (เดิมคือ Project Starline) : วิวัฒนาการของ Project Starline มาสู่ Google Beam ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารผ่านวิดีโอแบบ AI-first ที่ช่วยให้การโทรวิดีโอเป็นแบบ 3 มิติที่สมจริงมากขึ้น โดยมี HP และ Zoom เป็นพันธมิตรในการนำอุปกรณ์ Google Beam ออกสู่ตลาด
- Android XR และ Smart Glasses : Google ได้เปิดตัวระบบนิเวศ Android XR ใหม่ ซึ่งนำแว่นตาอัจฉริยะและชุดหูฟัง XR ที่ขับเคลื่อนด้วย Gemini เข้ามา เพื่อมุ่งสู่ประสบการณ์ Spatial Computing ในโลกจริง
- เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา : Google ยังคงให้ความสำคัญกับนักพัฒนา โดยมีการประกาศเครื่องมือและ API ใหม่ๆ เพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ AI ได้ง่ายขึ้น เช่น
จุดเปลี่ยน ! และสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้น
- การเปลี่ยนผ่านจาก "Mobile-First" สู่ "AI-First": Google แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า AI จะเป็นแกนหลักของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดในอนาคต ไม่ใช่แค่ฟีเจอร์เสริมอีกต่อไป
- การค้นหาที่ชาญฉลาดและเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น : AI Mode และฟีเจอร์ Personal Context รวมถึง Deep Search จะเปลี่ยนวิธีการที่เราค้นหาข้อมูลไปอย่างสิ้นเชิง จากการแสดงผลแบบ "10 ลิงก์สีฟ้า" ไปสู่การนำเสนอคำตอบที่ผ่านการวิเคราะห์และสรุปมาแล้ว
- การสร้างสรรค์เนื้อหาด้วย AI ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น : การเปิดตัว Veo 3, Imagen 4 และ Flow ทำให้การสร้างวิดีโอและภาพด้วย AI มีคุณภาพสูงขึ้นและใช้งานง่ายขึ้น ซึ่งจะเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้สร้างสรรค์เนื้อหา
- การสื่อสารแบบ 3 มิติ : Google Beam แสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญของการสื่อสารผ่านวิดีโอที่สมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงวิธีการประชุมและการโต้ตอบทางไกลในอนาคต
- AI Agents ที่ทำงานได้ซับซ้อน : Agent Mode ชี้ให้เห็นถึงอนาคตที่ AI จะไม่เพียงแค่ตอบคำถาม แต่สามารถดำเนินการตามคำสั่งที่ซับซ้อนและโต้ตอบกับแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ได้
- การเปิดตัวแผนการสมัครสมาชิก AI ระดับพรีเมียม : Gemini AI Ultra แสดงให้เห็นว่า Google กำลังมองหาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ สำหรับบริการ AI ขั้นสูง
กานต์ศศิน สมนึก (เขียน)